ในโรงงานอุตสาหกรรมนั้นแน่นอนว่าเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ดังนั้นในการเดินสายไฟในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมนั้นจึงแตกต่างจากการเดินสายไฟในแบบธรรมดาอย่างมากนะครับ เพราะว่าด้วยขนาดที่ใหญ่กว่า และมีพื้นที่ขนาดใหญ่ดังนั้นในการเดินสายไฟ หรือ เดินไฟนั้นจึงค่อนข้างยากกว่าอย่างมากนะครับ ดังนั้นในบทความนี้เราพาทุกคนไปรู้จักกับเรื่องที่เราควรจะรู้ในเรื่องของ การเดินสายไฟ ภายในโรงงานกันดีกว่านะครับ ว่ามีเรื่องอะไรที่เราจะต้องรู้บ้าง การเดินสายไฟภายในโรงงานอุตสาหกรรม ไม่เหมือนกับเดินสายไฟแบบธรรมดา อย่างแรกเลยนั้นคือในเรื่องของ “การเดินสายไฟ” ภายในโรงงานอุตสาหกรรมนั้นค่อนข้างจะยากกว่าการเดินสายไฟแบบธรรมดาอย่างมากนะครับ เพราะว่าด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่นั้นการเดินสายไฟนั้นจึงค่อนข้างยากมากกว่าในการเดินสายไฟแบบปกติดังนั้นในเรื่องของเวลา และ ความยากนั้นจึงค่อนข้างยากอย่างมากในการเดินสายไฟอย่างแน่นอน อุปกรณ์ในการเดินสายไฟนั้นมีมากกว่า ด้วยขนาดที่ใหญ่นั้นการเดินสายไฟนั้นจึงค่อนข้างยากอย่างมาก นะครับ และในขณะเดียวกันด้วยขนาดที่ใหญ่นั้นในการเดินสายไฟนั้นค่อนข้างยากกว่าในการเดินสายไฟแบบปกตินะครับ โดยส่วนมากนั้นในการเดินสายไฟขนาดใหญ่นั้นจะเลือกใช้รางเคเบิ้ลแลดเดอร์ นั้นจะค่อนข้างตอบโจทย์อย่างมาก และ ใช้การเดินไฟในช่วงด้านบนของโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อที่จะทำให้การเดินสายไฟนั้นค่อนข้างง่าย และ ไม่เกะกะด้วยนะครับ การเดินสายไฟในการใช้งานโรงงานอุตสาหกรรม ควรใช้ช่างที่มีประสบการณ์ อีกข้อที่สำคัญนั้นคือในเรื่องของ “ช่างที่มาเดินสายไฟ” ให้กับโรงงานของเรา นั้นควรเลือกใช้ “ช่างที่มีประสบการณ์” ดีกว่านะครับ เพราะว่าในการเดินสายไฟที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่นั้นการที่เรานั้นจะเดินสายไฟด้วยช่างที่ไม่มีประสบการณ์นั้นอาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้นะครับ และอาจจะทำให้เกิดอันตรายกับคนที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมด้วยนะครับ ดังนั้นการเดินสายไฟนั้นควรเลือกใช้ช่างที่ดี และ มีประสบการณ์จะดีกว่านะครับ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้นด้วยนะครับ ควรตรวจเช็ความพร้อมไว้เสมอ อีกข้อที่สำคัญนั้นคือในเรื่องของ “ความพร้อม” ของไฟนะครับ เพราะว่าในในการใช้งานไปนาน ๆ นั้นอาจจะทำให้มีความเสื่อมสภาพได้นะครับ ดังนั้นในการถ้าหากว่ามีการเดินสายไฟ แล้วควรจะตรวจเช็คความพร้อมนั้นเราควรที่จะมีช่างที่คอยเช็คความพร้อมไว้จะดีกว่านะครับ…
Month: April 2021
วิธีเลือก catering
หลายๆ คนเวลาเอ่ยถึง catering ก็คงจะมีความสงสัยว่าหมายถึงอะไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว catering ก็คือการจัดเลี้ยงนั่นเอง เวลาที่เราจะเลือการจัดเลี้ยงชนิดใด แบบใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นการเลือกว่าจะใช้วิธีการจัดเลี้ยงแบบใดดี เพราะปัจจุบันมีการจัดเลี้ยงหลายต่อหลายแบบ ทั้งการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน การจัดเลี้ยงแบบค็อกเทล และการจัดเลี้ยงแบบไทยๆ หรือล้อมวงกินสำรับเดียวกัน แต่อย่างไรก็ดี เวลาที่เราจะเลือกการจัดเลี้ยงแบบไหน สิ่งที่ต้องพิจารณามีปัจจัยดังต่อไปนี้ 1.จำนวนคนที่มาร่วมงาน สำหรับสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก็คือจำนวนคนที่มาร่วมงานนั่นเอง โดยปกติแล้วเวลาที่เราจะมองหาการจัดเลี้ยงแบบใดๆ ก็ตาม สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือการพิจารณาจำนวนคน หากมีจำนวนคนมากๆ เราจะเลือกแบบใดจึงจะดีที่สุด สิ่งเหล่านี้ต้องมีการพิจารณาอย่างเข้มงวด เพื่อตอบโจทย์ของการจัดเลี้ยงเพื่อให้หลายๆ คนรู้สึกดีกว่าเดิมนั่นเอง อย่างไรก็ตาม หากใครที่มีงบน้อย อย่าลืมสอบถามทางร้านก่อนว่าจำนวนคนที่มาเท่านี้คิดราคาใด เพื่อที่จะได้คำนวณได้ถูกต้อง 2.ชนิดอาหารที่คนส่วนใหญ่ชอบ ตัวของอาหารก็มีส่วนในการกำหนดว่าเราจะเลือกการจัดเลี้ยงแบบใดได้เช่นกัน อย่างบางคนต้องการเลือกแกงเขียวหวาน ก็อาจจะพิจารณาว่าเหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการหรือไม่ อย่างไร โดยถ้าเป็นแกงเขียวหวานก็ไม่เหมาะสมกับแบบค็อกเทลสักเท่าไร หากเราจะจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลเราก็ต้องดูว่าอาหารแบบใดที่เหมาะสมกับการจัดเลี้ยงแบบนี้ เช่นกุ้งทอด ไก่ทอด ไก่จ๊อ 3.วัยของคนที่มาร่วมงาน หากว่าเราเลือกคนที่มาร่วมงานเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน วัยทำงานแล้วล่ะก็ สามารถเลือกการจัดเลี้ยงได้แบบไม่ต้องกังวล เพราะทุกแบบตอบโจทย์ไม่แพ้กัน แต่สำหรับใครที่มองดูแล้วคนที่มาร่วมงานเป็นครอบครัวและมีความหลากหลาย สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือการที่คนสูงอายุจะสามารถกินเลี้ยงค็อกเทลได้หรือไม่ เพราะค็อกเทลและบุฟเฟต์จะต้องอาศัยการเดินเป็นหลัก 4.ความชอบของเจ้าภาพ อีกหนึ่งอย่างที่อยากแนะนำก็คือความชอบของเจ้าภาพก็คือสิ่งสำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นๆ เนื่องจากว่าเวลาที่เราเลือกอะไร…